Popular Posts

Thursday, April 25, 2013

กินยาคุมรักษาสิว


กินยาคุมรักษาสิว
 
 กระแสฮอตมาแรงในหมู่ผู้หญิง กระเทย เก้ง กวาง ยกขบวนแห่ซื้อ "ยาคุมกำเนิด" กินอุตลุด หวังผลพลอยได้ให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ไร้สิว ใบหน้าดูดีเกลี้ยงเกลา อ้อ! แถมหน้าอกหน้าใจยังตู้ม สะโพกผายทอร์นาโดอีกซะด้วย!


       "หนูเคยรักษาสิวด้วยการกินยาคุม บอกได้เลยค่ะว่า มันได้ผลดีมาก สภาพผิวหน้าเราตอนนั้นเป็นสิวอักเสบ อุดตัน หน้ามันมาก(เน้นเสียง) รูขุมขนกว้าง แต่งหน้าไม่ติด หน้ามันขั้นเทพ แต่พอกินยาคุม ประมาณ 3-4 เดือน สิวยุบ    ดีกว่าการไปหาหมอผิวหนังรักษาสิวอีกนะ ประหยัดกว่าด้วย พี่คิดดูยาคุมแผงละ 200 กว่าบาท แต่หาหมอทีครั้งนึงเป็นพัน"       
 
     
 
 น้องนักศึกษาคนสนิทบอกเล่าถึงประโยชน์ของการกินยาคุมให้ผู้เขียนฟัง "เพื่อนๆ หนูกินกันทั้งนั้นแหล่ะพี่ บางคนกินตั้งแต่มัธยม พอหยุดกินสิวก็บุก ต้องกลับมากินใหม่ กลายเป็นติดยาคุมไปเลย" ยิ่งตอกย้ำความแรงของยาคุมในหมู่วัยรุ่นจริงๆ              
 
แพร่หลายสะพัดกันขนาดนี้งั้นเราขอไปคุยกับ ผศ.พญ.สุวิรากร โอภาสวงศ์ ประชาสัมพันธ์สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย กันดีกว่าเพื่อความกระจ่างแจ้ง ว่าสารพัดประโยชน์ของยาคุมที่น้องนักศึกษากล่าวไว้ข้างต้น ชัวร์หรือมั่วนิ่ม!            
 
 "ยาคุมมีหลายประเภท ได้แก่ ยาคุมกำเนิดชนิดรวม (combined pills) คือ ยาทุกเม็ดจะมีส่วนประกอบของเอสโตรเจน (estrogen) และโปรเจสเตอโรน (progesterone) ในขนาดเท่ากันทุกเม็ด โดยมีอยู่ 21 เม็ด ส่วนยาคุมชนิด 28 เม็ด อีก 7 เม็ด จะเป็น vitamin, staech หรือ ferrous fumarate ซึ่งเป็นยาคุมที่นิยมใช้กันมากที่สุด              ยาคุมกำเนิดเลียนแบบธรรมชาติ (sequential pills) ยาชุดหนึ่ง 15-16 เม็ดแรก ประกอบด้วยเอสโตรเจนอย่างเดียว ส่วน 4-5 เม็ดหลังจะมีทั้งเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน ทั้งนี้เพื่อเลียนแบบธรรมชาติแต่ปัจจุบันนี้ไม่ใช้ยาคุมกำเนิดเลียนแบบธรรมชาติแล้ว เนื่องจากเกิดอาการข้างเคียงมาก และประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดไม่แน่นอน

       ส่วน Mini pills ยาทุกเม็ดประกอบด้วยโปรเจสเตอโรนอย่างเดียวในขนาดน้อยมากส่วนใหญ่ใช้รักษาความผิดปกติของประจำเดือน หรือรับประทานเวลาต้องการเลื่อนประจำเดือ  และ Postcoital or morning after pills เป็นยาคุมกำเนิดชั่วคราวที่ใช้ระยะสั้น หลังจากมีเพศสัมพันธ์และกันไม่ให้ตั้งครรภ์ ชนิดนี้มีฮอร์โมนสูง ไม่ควรใช้บ่อยใช้เมื่อจำเป็นจริงๆ            
 
 เนื่องจากยาคุมมีหลายอย่างเพราะฉะนั้นจะบอกว่ายาคุมทุกชนิดทำให้ผิวพรรณดีขึ้นก็ไม่ถูกต้อง หากฮอร์โมนเอสโตรเจนเยอะ แน่นอนจะทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งแต่ในขณะเดียวกันอาจจะทำให้เกิดฝ้า และมะเร็งเต้านมได้”              
คุณหมอสุวิรากรบอกด้วยว่า อยากสิวลดต้องทานตัวยาที่มีฤทธิ์ต้านฮอร์โมนเพศชาย เพราะสาเหตุของสิวมาจากฮอร์โมนเพศชายสูงเกินไป ฉะนั้นทานยากลุ่มนี้จะทำให้สิวลดลง “ยาคุมที่ดีต้องมีฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนต้องบาลานซในสัดส่วนที่พอเหมาะ            
 
 การใช้เอสโตรเจนเดี่ยวๆ ก็มีผลทำให้ผนังมดลูกหนาตัวมากไปทำให้โอกาสเสี่ยงเป็นมะเร็งทางระบบสืบพันธ์ ร่วมทั้ง เสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านมสูงขึ้น ส่วนโปรเจสเตอโรน เป็นตัวที่เป็นแอนตี้แอนโตรเจน ตัวนี้ทานเข้าไปจะเกิดการคั่งของน้ำ บวมน้ำ สังเกตว่าเวลามีประจำเดือน เราจะรู้สึกว่าเราเปล่งปลั่ง มีน้ำมีนวล หน้าอกใหญ่ขึ้น สะโพกผาย เพราะว่าน้ำคั่งขึ้นมานั่นเอง”            
 
 คุณหมอไม่ฟันธงว่ากินยาคุมแล้วผิวพรรณเปล่งปลั่ง  “ฉะนั้นจะพูดว่า กินยาคุมแล้วผิวเปล่งปลั่งก็ไม่ได้ หรือจะบอกว่ากินยาคุมแล้วรักษาสิวก็ไม่ได้ กินยาคุมแล้วจะเกิดฝ้าก็ไม่ใช่ อันนี้แล้วแต่ชนิดของยาคุมด้วยค่ะ"              คุณหมอชี้ว่า ยาคุมตอบสนองได้ดีกับสิวที่เกิดจากฮอร์โมน              
 
"เราต้องสังเกตด้วยว่าคนไข้มีสิว เกิดจากอะไร เกิดจากฮอร์โมนหรือไม่ เพราะการเกิดสิว มีสาเหตุหลายอย่าง เช่น เกิดจากต่อมไขมันทำงานเยอะเนื่องจากอิทธิพลของฮอร์โมน มีการอุดตันที่ผิวหนัง แบคทีเรีย P.acne เข้าไปทำให้เกิดการอักเสบ”


       คุณหมอแนะวิธีสังเกตคนไข้สิวโผล่จากสาเหตุฮอร "การสังเกตว่าคนไข้มีสิวเพราะต่อมไขมันทำงานเยอะจากฮอร์โมนหรือไม่นั้น ข้อสังเกตคือ สิวมักจะเห่อทุกรอบเดือนช่วงประจำเดือนมา จะมีสิวมาก พอประจำเดือนหมดสิวก็ยุบ พอประจำเดือนมาสิวก็เยอะอีก สิวพวกนี้จะตอบสนองจากฮอร์โมนค่อนข้างดี          
 
   และอีกจุดสังเกตคือ มีลักษณะคล้ายผู้ชาย มีขน หนวด ประจำเดือนเยอะ เราอาจจะพิจารณาใช้ยาคุมกำเนิดรักษา แต่ไม่ได้เป็นยาอันดับแรกที่หมอจะเลือก จะพิจารณาในรายที่เขาอยากจะคุมกำเนิดอยู่แล้ว และลักษณะเพศชายเยอะ มีสิวขึ้นทุกรอบเดือน ใช้ยาทา และรับประทานยาปฎิชีวนะไม่ดีขึ้น จึงจะให้กินยาคุม          
 
   แต่การกินยาคุมนั้นจะไม่เห็นผลว่าสิวยุบในเดือนแรก ต้องเริ่มกินไปสัก 2-3 เดือน จะเห็นว่าสิวเริ่มลดลง ผิวดีขึ้น เพราะต่อมไขมันจะค่อยๆ ทำงานน้อยลง ดังนั้นหน้าจะมันน้อยลงด้วย            
 
 แต่ไม่ใช่จะมีอาการหน้าแห้งเหมือนทานโรแอคคิวเทน(Roaccutane)หรือ กรดวิตามินเอ อันนั้นจะลดการทำงานของต่อมไขมัน ทำให้การอุดตันลดลง และการอักเสบ ลดลงด้วย โดยไม่ได้ไปปรับฮอร์โมน แต่มีข้อเสียที่น่ากลัวคือถ้ากินแล้วหากท้องลูกจะพิการ ถ้ารับประทานอยู่และอยากจะตั้งท้องต้องหยุดอย่างน้อย 1 เดือน และะยังมีผลข้างเคียงต่อระบบต่างๆในร่างกายด้วย จึงจัดอยู่ในพวกยาอันตรายต้องใช้โดยแพทย์เท่านั้น”        
 
     การสั่งยาคุมให้คนไข้คุณหมอไม่ได้สั่งตามใจคนไข้ ต้องดูตามความเหมาะสม    "เพราะยาคุมกำเนิดมีผลข้างเคียงได้ ผลางเคียงที่พบบ่อยได้แก่ คลื่นไส้ อาเจียน เวียนศีรษะ น้ำหนักตัวเพิ่ม ปวดศีรษะ แบบไมเกรน ยาคุมบางชนิดทำให้สิวเห่อขึ้นได้ บางชนิดเป็นฝ้า บางคนทานแล้วประจำเดือนมากระปริดกระปรอย โดยเฉพาะที่ผู้ที่ทานยาไม่ครบ          
 
   บางคนทานยาคุมแล้วมีการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ ได้แก่เกิดอาการซึมเศร้า วิตกกังวลมากขึ้น เป็นผลมาจากโปรเจสโตเจนสูง            
 
 อาการข้างเคียงที่รุนแรง แต่พบไม่บ่อยคือ เส้นเลือดอุดตัน Deep vein thrombosis , และมีโอกาสเป็นมะเร็งเต้านมสูงขึ้นกว่าผู้ที่ไม่ได้รับประทานยาคุม              นอกจากนี้ ยาคุมกำเนิดยังมีผลต่อยาหลายตัว เช่น ยาปฏิชีวนะ ยาละลายลิ่มเลือด และยาหลายตัวก็มีผลต่อยาคุม ทำให้ประสิทธิภาพการคุมกำเนิดลดลง"


       *คุณหมอฝาก*   "จุดประสงค์การใช้ยาคุมกำเนิดเป็นการใช้เพื่อป้องกันการมีลูก หรือลดอาการปวดประจำเดือน และเลื่อนการมีประจำเดือนในบางเวลาออกไปเท่านั้น ผู้ที่กินยาคุมแล้วผิวสวย ไร้สิวฝ้า เป็นเพียงผลข้างเคียงจากฤทธิ์ยา ไม่ได้เป็นข้อบ่งชี้ในการใช้            
 
 การใช้ยาคุมเพื่อหวังผลให้รักษาสิว ผิวขาว ลดขนดก เหมือนกับการขี่ช้างจับตั๊กแตน เพราะการใช้ฮอร์โมนไปนานๆ โดยไม่มีข้อบ่งชี้ อาจทำให้เกิดมะเร็งเต้านมในเพศหญิง หรือเกิดมะเร็งต่อมลูกหมากในเพศชาย และเกิดผลเสียในระยะยาวได้              
 
การที่จะมีผิวขาวใสอยู่ที่การดูแล อย่าให้ผิวแห้ง หลีกเลี่ยงแสงแดดจัด ใช้ยากันแดด สวมเสื้อผ้าที่ปกปิด หมวก ร่ม ช่วยกันแดด รับประทานอาหารจำพวกผัก ผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงๆ ดื่มน้ำมากๆ พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ไม่เครียด ไม่สูบบุหรี่" คุณหมอสุวิรากรเผยกลเม็ดผิวเด้งปิดท้าย    อ๊ะ! เพียงเท่านี้คุณก็ได้เป็นเจ้าของผิวสวยได้ไม่ยากเลยล่ะค่ะ
 
ที่มา http://www.manager.co.th/CelebOnline/ViewNews.aspx?NewsID=9540000020000

No comments:

Post a Comment